คล็อปป์ ชอบใจ เรือหงส์แลกหมัดหนัก เหมือนต่อยมวย

คล็อปป์ ชอบใจ เรือหงส์แลกหมัดหนัก เหมือนต่อยมวย
วิเคราะห์บอล เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล เปิดใจรู้สึกสนุกกับการดวล แมนฯ ซิตี้ ก่อนเสมอสุดมันส์ 2-2 ชี้ทั้งสองทีมสู้กันราวกับต่อยมวย
 แมนฯ ซิตี้ ออกนำสองครั้งสองครา แต่ ลิเวอร์พูล ก็ตามตีเสมอได้ตลอด ทำให้จบ 90 นาทีแบ่งแต้มกันไปในสกอร์ 2-2 และทำให้ช่องว่างระหวางทั้งสองทีมอยู่ที่หนึ่งคะแนนเท่าเดิม ขณะที่เหลือการแข่งขันอีก 7 นัดสุดท้าย
 คล็อปป์ กล่าวหลังเกมว่า “ผมคิดว่าเราสามารถอธิบายเกมนี้เป็นการชกมวยได้เลย แค่การ์ดตกเพียงวินาทีก็โดนน็อกร่วงได้เลย ผมชอบหลายสิ่งหลายอย่าง ผมคิดว่าเราทำได้ใกล้เคียงกว่าที่เคย”
 “การเริ่มครึ่งหลังดีกว่าเดิมมาก ซิตี้ พยายามเล่นแบบว่าให้บอลข้ามแนวรับไป มันเข้าใจได้เมื่อคุณมีการวิ่งทำทางที่ดี”
 “ในเวลาที่คุณพยายามหาช่องหายใจเพียงเล็กน้อย ก็มีอีกคนเข้ามาแล้ว มันเป็นเกมที่ยอดเยี่ยม และผลการแข่งขันก็เป็นสิ่งที่ต้องยอมรับและลุยกันต่อไป”
 “เราสามารถทำได้ดีกว่านี้ แต่ในหลายจังหวะเราก็ทำได้ดีมากๆ ความเข้มข้นของเกมนั้นบ้าบอทีเดียว มันเป็นเกมที่สนุกและผมก็ชอบด้วย”
อย่างไรก็ตามเมื่อเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นผู้บริหารแล้ว สิ่งที่แตกต่างจะเริ่มขึ้นอย่างทันทีทันใด เพราะคุณมีหน้าที่ทำให้ “ลูกน้อง” ผลิตผลงานที่ดีมีคุณภาพออกมาให้ได้ผ่านการบริหารของคุณ มีการลงรายละเอียดมากมายเกี่ยวกับเรื่อง ทัศนคติ, จุดมุ่งหมาย, กฎระเบียบ หรือแม้แต่การบริหารความสัมพันธ์ในองค์กร ที่อย่างน้อยที่สุดคือ “ไม่ต้องรักกันก็ได้ แต่ขอให้งานส่วนรวมสามารถก้าวไปข้างหน้า”
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เขียนคิดขึ้นมาเอง แต่มันคือการถอดแบบจำลองของการเป็นเจ้านายของ “เยอร์เกน คล็อปป์” กุนซือของ ลิเวอร์พูล ที่เปลี่ยนโฉมให้หงส์แดงกลายร่างจากทีมจอมผิดหวัง กลายเป็นทีมนักสู้ที่ทุกคนรู้สึกว่าเมื่อพวกเขาลงสนาม เทพีแห่งชัยชนะมักจะเลือกอยู่ข้างพวกเขาเสมอ … ติดตามเคล็ดลับการบริหารคนของ “คล็อปป์” ชายผู้สร้างมาตรฐานแบบใหม่ในงานบริหารคนได้ที่นี่
หนทางหมื่นลี้เริ่มต้นที่ก้าวแรก
ก่อนจะเริ่มต้นถึงเรื่องราวการเป็นยอดนักบริหารคนของ เยอร์เกน คล็อปป์ เราคงต้องบอกกันก่อนว่าเขาเคยเป็นนักฟุตบอลอาชีพ แต่ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรนัก คล็อปป์ เล่นในตำแหน่งกองหลังของทีม ไมนซ์ ในช่วงยุค 90s ซึ่งยุคนั้น ไมนซ์ ยังเป็นแค่ทีมเล็ก ๆ และไม่ค่อยปรากฏบนหน้าสื่อบ้านเรานัก โดยรวมแล้ว คล็อปป์ นั้นเป็นนักเตะประเภท “คัลท์ ฮีโร่” หรือขวัญใจแฟนบอลท้องถิ่น มากกว่านักฟุตบอลที่รู้จักกันในวงกว้าง
หลังจากแขวนสตั๊ดในปี 2001 คล็อปป์ ตัดสินใจเปลี่ยนสายมาเป็นกุนซือทันที เขารับงานครั้งแรกกับทีมเก่าอย่าง ไมนซ์ แบบไม่ต้องพักหรือปรับตัวอะไร และหลังจากนั้นก็อย่างที่เรารู้ “ที่เหลือคือประวัติศาสตร์” คล็อปป์ พาไมนซ์เลื่อนชั้นด้วยการใช้เวลาแค่ 2 ปี จากนั้นก็สร้างชื่อกับการคุม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และมาลงเอยกับ ลิเวอร์พูล ในปัจจุบัน
หากถามว่าอะไรทำให้การเดินทางของอดีตนักเตะระดับลีกรอง ที่ไม่มีประสบการณ์ทำงานด้านโค้ชชิ่งกับโค้ชเก่ง ๆ เลย สามารถนำตัวเองขึ้นมาอยู่ในแถวหน้าของโลกได้ แม้จะไม่ใช่การพุ่งทะยานที่พรวดพราด แต่เส้นทางพัฒนาการของคล็อปป์ในสาขาการเป็น “เจ้านายคน” ก็เกิดขึ้นจากความสม่ำเสมอ ที่ต้องอาศัยการวางแผนระยะยาว และสิ่งสำคัญคือเขาตั้งใจทำมันตั้งแต่ขั้นตอนแรกสุดนั่นคือ “หาจุดอ่อนให้เจอและกำจัดมันเสีย” ดูบอลสด

คล็อปป์ ชอบใจ เรือหงส์แลกหมัดหนัก เหมือนต่อยมวย

 

คล็อปป์ ชอบใจ เรือหงส์แลกหมัดหนัก เหมือนต่อยมวย

คล็อปป์ เล่าถึงตอนที่เขาเข้ามาคุมทีม ลิเวอร์พูล ใหม่ ๆ และพบว่ามีหลายสิ่งผิดแปลกไปจากที่เขาเคยเจอตอนเป็นเจ้านายที่ ไมนซ์ และ ดอร์ทมุนด์ สิ่งแรกที่เขาคัดกรองคนที่จะทำงานด้วย คือคน ๆ นั้นจะต้องเป็นคนที่ต้องมีเป้าหมายเดียวกันทั้งหมด ทุกคนต้องมองเป้าหมายให้เหมือนกัน อาทิ “จบเกมนี้ต้องชนะ” ไม่มีข้อแม้ ไม่มีข้ออ้างว่าเหตุใดจึงทำไม่ได้ และการที่จะทำให้ลูกทีมของเขาเป็น “มิสเตอร์ วินเนอร์” เขาจะต้องเปลี่ยนทัศนคติของแต่ละคนเสียใหม่ นั่นคือ “เลิกแอ็คท่าว่าเหนือชั้น และเล่นให้เหมือนกันทุก ๆ เกม”
“องค์ประกอบทางจิตวิทยาของเราไม่มั่นคง และมันคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทีมตกต่ำในรอบหลายปีหลัง” คล็อปป์ ว่าเอาไว้เช่นนั้่น ทายผลบอล
ย้อนกลับไปตอนที่เขาเข้ามาทำงานในเดือนตุลาคมปี 2015 เขาพบว่านักเตะลิเวอร์พูล ณ เวลานั้นมีสภาพจิตใจที่ไม่คงที่ นั่นทำให้ถึงแม้เขาจะพยายามทำให้ทุกคนในทีมเห็นว่า “เป้าหมาย” คือการไปถึงชัยชนะด้วยกัน แต่ความจริงแล้วมันไม่อาจสัมฤทธิ์ผลได้ เนื่องจากคำว่า “ทัศนคติที่ขึ้น ๆ ลง ๆ” เมื่อเล่นกับทีมระดับหัวแถว ลิเวอร์พูลจะกลายเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมสู้ไม่ถอย แต่เมื่อเจอกับทีมระดับต่ำกว่า พวกเขากลายเป็นทีมที่ไม่สามารถเล่นได้ตามมาตรฐานของตัวเอง
“ผมเข้ามาและจำได้ว่าทีมมีความมั่นใจทะยานเต็มที่มาก เราเล่นกับ แมนฯ ซิตี้ ในเดือนธันวาคมและเราสามารถเอาชนะเกมนั้นได้ ทั้งสองทีมเล่นได้ดีแต่เราคือผู้ที่ได้รับชัยชนะอย่างสมควร และนั่นคือการเรียกคืนความมั่นใจที่ขาดหายไปของทีมนี้ไปถึง 50 ปี … เราคิดว่าจะมีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นหลังจากนี้”
“แต่อีก 2 วันให้หลัง เราเล่นกับซันเดอร์แลนด์ด้วยรูปแบบที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง และจบด้วยการทำได้แค่เสมอ เกมนั้นพวกเขาตั้งรับลึกและได้ประตูจาก 2 จุดโทษ ขณะที่ลูกทีมของผมเริ่มออกอาการแบบว่า ‘โอ้ ! ไม่นะ หรือจริง ๆ แล้วเป็นพวกเรานี่แหละที่ไม่ดีพอ’ สิ่งที่ผมทำคือต้องจัดการกับสถานการณ์แบบนี้ให้ได้เพื่อความแข็งแกร่งที่ยั่งยืน” คล็อปป์ กล่าว
วิธีแก้ … คล็อปป์ ตอบคำถามนั้นด้วยคำตอบง่าย ๆ แต่ปฎิบัติตามยาก นั่นคือ “แน่วแน่กับสิ่งที่จะทำ” และใช้ความพยายามทั้งหมดที่มีเพื่อไปถึงเป้าหมายนั้น แม้ระหว่างทางจะโดนโจมตี หรือเจออุปสรรคอะไร ก็จงแน่วแน่กับเส้นทางที่ตัดสินใจเลือกตั้งแต่ต้น … ห้ามลังเลเด็ดขาด

คล็อปป์ เป็นโค้ชที่โดนวิจารณ์หนักมากในช่วงการคุมทีม ลิเวอร์พูล ซีซั่นแรก

 

คล็อปป์ ชอบใจ เรือหงส์แลกหมัดหนัก เหมือนต่อยมวย

หากทุกคนยังจำกันได้ คล็อปป์ เป็นโค้ชที่โดนวิจารณ์หนักมากในช่วงการคุมทีม ลิเวอร์พูล ซีซั่นแรก เพราะทุกคนเห็นว่าเขาเป็นโค้ชมิติเดียว มีแต่สั่งนักเตะให้วิ่งไล่เข้าไปจนสุดทาง และเล่นเกมรุกให้รวดเร็ว โดยไม่สนใจเกมรับอันเป็นจุดที่ทำให้ทีมต้องพลาดเกมสำคัญ ๆ ประจำ ช่วงนั้นมีวลีที่ ลิเวอร์พูล มักจะโดนล้อเลียนว่า “แชมป์วิ่งเยอะ” อันเกิดจากสถิติการวิ่งเฉลี่ยของนักเตะในทีมในแต่ละเกมจากแทคติก “เกเกนเพรสซิ่ง” ทว่าผลลัพธ์คือหลายเกมกลับเอาชนะไม่ได้ แต่ก็อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น สำหรับเขา งานที่ลิเวอร์พูลคืองานระยะยาว และเขาจะไม่เปลี่ยนเป้าหมายที่เขาบอกตัวเองและลูกน้องในทีมเด็ดขาด มั่นคง ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเหมือนไม้หลักปักขี้เลน ทายผลบอล
“เมื่อผมได้อ่านและได้ยินเสียงวิจารณ์ที่เกิดขึ้น ผมบอกได้เลยว่าผมไม่สนใจมันเลย 100% เราต้องปิดกั้นคำพูดพวกนี้ให้หมด และมุ่งเน้นไปที่ตัวเองและวิธีการที่เราเลือก”
“การพูดถึงแผนสำรอง สำหรับผมหมายถึงว่าคุณกำลังขาดความเข้าใจอะไรบางอย่างไป เพราะว่าเมื่อคุณขาดความมั่นใจแล้ว คุณจะกลัวจนตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอะไรไปมากมาย และสิ่งที่คุณจะได้รับกลับมาจากการลงมือแบบลังเลคือ … ความไม่มั่นคง” คล็อปป์ เล่าให้กับ Goal.com
ตัดภาพกลับมาที่ปัจจุบัน ลิเวอร์พูล ยังคงเป็นทีมเดิม (ในแง่ของวิธีการ) เหมือนกับตอนที่ คล็อปป์ เข้ามาในปี 2015 … วิ่งให้มากกว่า, พยายามให้มากกว่า, สร้างสรรค์ให้มากกว่า และมั่นคงกับแนวทางให้มากกว่าที่เคย ทั้งหมดนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล ไม่ใช่ทีม “เจอทีมเก่งเก่งตาม เจอทีมอ่อนก็อ่อนตาม” อีกต่อไป พวกเขาการันตีด้วยวิธีการเล่นที่ดุดันเหมือนเก่า (แต่เฉียบขาดกว่าเก่า) ทั้งหมดนี้คือการเปลี่ยน Mindset ให้กับทุกคนในทีม และเมื่อทุกคนเข้าใจ “หงส์แดง” ก็ติดปีกอย่างที่เราได้เห็นกันทุกวันนี้  ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนลิเวอร์พูลหรือไม่คุณย่อมรู้สึกได้ ณ ปัจจุบัน หากพวกเขาโดนขึ้นนำไปก่อน สิ่งแรกที่คุณคิดคือ “เดี๋ยวก็แซงได้” และหลายครั้งมันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ
จุดนี้ไม่ใช่ความฟลุก แต่มันคือศาสตร์การบริหารคนข้อต่อไปของคล็อปป์ ที่เราจะพูดถึง เมื่อทุกคนมีเป้าหมายชัดเจนแล้ว สิ่งที่ควรทำต่อไปคือการสร้างทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะที่ทำให้บรรยากาศของทีมสมบูรณ์แบบนั่นเอง
“เพื่อน” … ร่วมทีม
เยอร์เกน คล็อปป์ นั้นมีจุดเด่นอยู่อย่างหนึ่ง คือ เขาเป็นนักบริหารคนที่ใช้รอยยิ้มและคำชื่มชมได้อย่างถูกที่ถูกเวลา ทุกครั้งที่เขาพูดต่อหน้าสื่อ ประโยคที่เรามักจะได้ยินจากเขา คือ การสร้างพลังบวกให้กับนักเตะในทีม ดังนั้นไม่แปลกที่เราจะได้ยินคำเหล่านี้จากปากคล็อปป์บ่อย ๆ นั่นคือคำว่า “เรียบง่าย”, “ยอดเยี่ยม” และ “ประทับใจ” เพราะเขารู้ดีว่าคำพูดเหล่านี้สามารถดึงเอาบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวลูกทีมของเขาได้ แทงบอล
“ความสัมพันธ์กับโค้ชของเรายอดเยี่ยมมาก เขาเป็นคนที่รู้จักวิธีการพูดกับผู้เล่นแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป เขาเข้าใจสิ่งต่าง ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่แต่ละคนควรปรับปรุง และบอกคุณว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณควรทำเมื่ออยู่ในสนาม” ฟาบินโญ่ นักเตะชาวบราซิลที่เพิ่งย้ายเข้ามาร่วมทีมในปี 2018 กล่าวถึงกุนซือของเขา
คล็อปป์ ต้องการลูกน้องที่เขาไว้ใจได้เสมอ ทุกคนจะต้องมีความเป็นทีมสูง เขาไม่ค่อยโทษใครเป็นรายบุคคลหากเกิดความผิดพลาดในการแข่ง อาทิ การที่ ลอริส คาริอุส พลาดในเกม ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศฤดูกาล 2017-18 คล็อปป์ ไม่เคยเอ่ยถึงเหตุการณ์นั้นในแง่ลบเลยแม้แต่น้อย เขาพยายามสร้างทีมที่ทุกคนเชื่อใจกันและกัน ร่วมกันรับผิดและรับชอบในวันที่ดีและร้าย แทงบอลออนไลน์