ทำไม ดาร์วิน นูนเญซ ถึงมาอยู่กับลิเวอร์พูล

ทำไม ดาร์วิน นูนเญซ ถึงมาอยู่กับลิเวอร์พูล

บอลวันนี้ ทำไม ดาร์วิน นูนเญซ ถึงมาอยู่กับลิเวอร์พูล ดาร์วิน กาบริเอล นุญเญซ ริเบย์โร (สเปน: Darwin Gabriel Núñez Ribeiro, เสียงอ่านภาษาสเปน: [ˈdaɾwĩn ˈnuɲes]; เกิด 24 มิถุนายน ค.ศ. 1999) เป็นนักฟุตบอลชาวอุรุกวัย ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองหน้าให้แก่ลิเวอร์พูล และทีมชาติอุรุกวัยนุญเญซเป็นนักฟุตบอลทีมเยาวชนของเปญญาโรล ก่อนที่จะเลื่อนขึ้นมาอยู่ในทีมชุดแรกเมื่อปี 2017 ในเดือนสิงหาคม 2019 เขาได้เซ็นสัญญากับอัลเมริอา สโมสรในเซกุนดาดิบิซิออนด้วยค่าตัวสถิติสโมสร ต่อมา ไบฟีกาเซ็นสัญญากับเขาในปี ดูบอลufa

 

2020 ด้วยค่าตัวสถิติสโมสร 24 ล้านยูโร ซึ่งเป็นมูลค่าการเซ็นสัญญาที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโปรตุเกส ในฤดูกาลที่สองเขาได้รับรางวัล Bola de Prata จากการเป็นผู้ทำประตูสูงสุดในปรีไมราลีกา ด้วยจำนวน 26 ประตู จาก 28 เกม จนนุญเญซได้รับความสนใจจากหลายสโมสรในยุโรป กลายเป็นลิเวอร์พูลที่เซ็นสัญญากับเขาในเดือนมิถุนายน 2022 ด้วยค่าตัว 75 ล้านยูโร (64 ล้านปอนด์)หลังจากเป็นตัวแทนของอุรุกวัยในระดับเยาวชนหลายรุ่นอายุ นุญเญซติดทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2019 ซึ่งเขาประเดิมสนามแรกด้วยการทำประตูได้ในเกมที่กับเปรู

 

ทำไม “นูนเญซ” จึงเป็นนักเตะที่ลิเวอร์พูล

ทำไม ดาร์วิน นูนเญซ ถึงมาอยู่กับลิเวอร์พูล

ดาร์วิน นูนเญซ กลายเป็นสมาชิกใหม่ของ ลิเวอร์พูล เรียบร้อยแล้ว หลังย้ายมาจาก เบนฟิกา ด้วยเม็ดเงินที่รวมแล้วอาจมากถึง 100 ล้านยูโรมีคำถามมากมายเกิดขึ้นว่าการถล่มเม็ดเงินอันเป็นสถิติสโมสรจะคุ้มค่ามากแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแข้งชาวอุรุกวัยรายนี้เพิ่งแจ้งเกิดบนเวทีระดับสูงได้เพียงปีเดียวเท่านั้นMain Stand จะพาไปหาคำตอบว่าทำไมลิเวอร์พูลถึงต้องทุ่มเงินมหาศาลเพื่อคว้าตัวนักเตะรายนี้ราวกับว่าไม่เหลือกองหน้ารายอื่นที่พวกเขาต้องการบนโลก กับคำตอบที่แสดงให้เห็นว่านี่อาจเป็นดีลที่คุ้มค่ามากที่สุดครั้งหนึ่งของสโมสร

 

ดาร์วิน นูนเญซ อาจเป็นเพียงกองหน้าชาวอุรุกวัย ที่มีอายุเพียง 22 ปี เมื่อพิจารณาจากความจริงข้อนี้ ลิเวอร์พูล มีโอกาสตกอยู่ในความเสี่ยงครั้งใหญ่จากการทุ่มเงินมหาศาลเพื่อคว้าตัวแข้งดาวรุ่งซึ่งมีประสบการณ์ในลีกใหญ่ของยุโรปเพียงสองปี แต่เหตุผลสำคัญที่เป็นเหมือนเครื่องการันตีว่านักเตะรายนี้เป็น “ของจริง” ในโลกฟุตบอล คือสโมสรที่เขาสังกัดก่อนเดินทางสู่พรีเมียร์ลีกอย่าง เบนฟิกา

 

หากย้อนกลับไปมองช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ทัพเหยี่ยวลิสบอนประสบความสำเร็จอย่างมากในการส่งนักเตะชั้นนำสู่หลายสโมสรใหญ่ทั่วยุโรป ไม่ว่าจะเป็น เอแดร์ซอน, แยน โอบลัค, แบร์นาโด ซิลวา, เจา เฟลิกซ์, เจา คันเซโล และ รูเบน ดิอาส ทั้งหมดถือเป็นนักเตะที่เริ่มต้นเส้นทางของตนที่เบนฟิกาก่อนที่ก้าวจะไปเป็นซูเปอร์สตาร์กับทีมดัง เช่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ แอตเลติโก มาดริด

 

ความสำเร็จของเหล่านักเตะที่กล่าวมานี้ทำให้แมวมองทั่วโลกต่างพากันแฝงตัวอยู่บริเวณข้างสนามของเบนฟิกาเพื่อจับตาดาวรุ่งคนต่อไปที่จะก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์ในวงการฟุตบอล ซึ่งในปี 2022 นักเตะที่ทุกทีมดังต่างเฝ้าตามหาคือ นูนเญซ ดาวยิงของทีมที่ระเบิด 34 ประตูจากการลงเล่น 41 นัด และคว้ารางวัลดาวซัลโวลีกโปรตุเกสในฤดูกาลล่าสุด

 

มีรายงานออกมาตั้งแต่เดือนเมษายนว่าทีมชั้นนำทั่วยุโรป ทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง และ เชลซี ต่างสนใจคว้านูนเญซมาร่วมทัพในซีซั่นหน้า ขณะเดียวกันมีการเปิดเผยว่าในตลาดเดือนมกราคมที่ผ่านมา เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ต่างอยากได้ตัวนักเตะรายนี้ไปร่วมทีม ก่อนที่ เอ็ดการ์โด้ ลาซาลเวีย อดีตเอเยนต์ของนูนเญซจะแนะนำให้เขาเล็งเป้าหมายเป็น แอตเลติโก มาดริด ซึ่งเป็นทีมที่ใหญ่กว่า

 

นูนเญซเชื่อคำแนะนำที่ห้ามเขาย้ายไปร่วมทีมระดับกลางในอังกฤษ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องรับฟังคำสั่งที่ให้ย้ายไปร่วมทีมแอตเลติโก มาดริด ความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ทัดเทียมฟ้าคือคำตอบ นูนเญซเปลี่ยนเอเยนต์ก่อนตลาดซื้อขายช่วงซัมเมอร์เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะได้ไปเล่นกับหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดของยุโรป ท่ามกลางความสนใจมากมายตั้งแต่เขายังไม่ทันที่จะคว้ารางวัลดาวซัลโว

 

ความต้องการของนูนเญซที่ต้องการเล่นให้กับทีมระดับสูงสุดเท่านั้น จึงไปเข้าทางเบนฟิกาที่ทราบศักยภาพนักเตะที่มีอยู่ในมือ และเมื่อบวกกับชื่อเสียงเก่าในการปั้นแข้งฝีเท้าดีเพื่อส่งออกของพวกเขา เบนฟิก้าจึงปักป้ายขายนูนเญซแบบไม่เกรงใจใครไว้ที่ราคา 100 ล้านยูโร เพื่อรอใครสักคนที่ใจกล้าพอที่จะทุ่มเงินจำนวนนี้คว้าตัวดาวยิงชาวอุรุกวัยไปร่วมทีม

 

ผลงานและการพัฒนาที่มองเห็นได้ชัดเจน

แม้นูนเญซจะมีสโมสรเก่าเป็นเครื่องการันตี แถมเอเยนต์คนใหม่ของเขายังเป็น ฮอร์เก้ เมนเดส ผู้อยู่เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของนักเตะระดับตำนาน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าลิเวอร์พูลจะหน้ามืดตามัวจนทุ่มเงินเท่าไหร่ก็ได้เพื่อคว้าตัวนักเตะรายนี้โดยไม่ได้พิจารณาให้ดีว่าแข้งรายนี้เล่นฟุตบอลเก่งกาจแค่ไหนกันแน่ ?

ทำไม ดาร์วิน นูนเญซ ถึงมาอยู่กับลิเวอร์พูล

ผลงานชัดเจนที่สุดของเขาย่อมเป็นการยิง 34 ประตูในทุกรายการให้กับเบนฟิกา โดยไฮไลท์สำคัญคือการยิง 26 ประตูจาก 28 นัดในลีกโปรตุเกส ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าตำแหน่งดาวยิงอันดับสองของฤดูกาลถึง 6 ประตู เพราะฉะนั้นแล้วหากจะพูดว่า ดาร์วิน นูนเญซ คือกองหน้าที่ดีที่สุดในโปรตุเกสเมื่อซีซั่นที่แล้วก็คงไม่ผิดนัก

 

แต่มาตรฐานของลีกโปรตุเกสเทียบไม่ได้เลยกับพรีเมียร์ลีก นูนเญซจึงต้องมีผลงานที่ดีกว่านี้เพื่อมัดใจลิเวอร์พูล ซึ่งนั่นคือการยิง 6 ประตูจากการลงสนาม 10 นัดในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ตรงนี้เองที่ทำให้กุนซือของทีมอย่าง ฮอร์เก้ เชซุส ออกมายืนยันถึงความสามารถระดับโลกของแข้งรายนี้ รวมถึงรุ่นพี่ในทีมชาติและอดีตแข้งหงส์แดง หลุยส์ ซัวเรส ก็เป็นอีกคนที่กล้าเอ่ยปากว่านูนเญซเป็นของจริง

 

คำตอบในแดนหน้าที่ทัพหงส์แดงกำลังค้นหา ทำไม ดาร์วิน นูนเญซ ถึงมาอยู่กับลิเวอร์พูล

เหตุผลสำคัญอีกข้อหนึ่งที่ทำให้ลิเวอร์พูลเลือกคว้าตัวนูนเญซเข้ามาร่วมทีมและอาจเป็นเหตุผลสำคัญที่สุดคือ ทักษะในการเล่นได้ทุกพื้นที่ในบริเวณแดนหน้า อันเป็นข้อได้เปรียบที่เกิดจากความเร็วอันน่าเหลือเชื่อของเจ้าตัว แม้จะมีส่วนสูง 187 เซนติเมตร แต่การเคลื่อนไหวอันรวดเร็วของเขาก็กลายเป็นฝันร้ายเดินดินของกองหลังทุกคนในลีกโปรตุเกส

 

หากมองแบบผิวเผินไปยังรูปร่างหน้าตาของเขา นูนเญซอาจถูกนำไปเปรียบเทียบกับ เอดินสัน คาวานี่ ดาวยิงทีมชาติอุรุกวัยรุ่นพี่ที่เป็นเครื่องจักรถล่มประตูเช่นเดียวกัน แต่มีข้อจำกัดที่เล่นได้เพียงศูนย์หน้าตัวเป้าเท่านั้น นี่คือข้อได้เปรียบสำคัญที่ทำให้นูนเญซแตกต่างออกไป เพราะเขาแสดงให้เห็นในฤดูกาลที่ผ่านมาแล้วว่าสามารถลงเล่นได้ทุกตำแหน่งในแดนหน้า และทุกแผนการแล้วแต่เฮดโค้ชจะสั่ง

เบนฟิกาเลือกใช้หลายแทคติกในซีซั่นล่าสุด ไม่ว่าจะเป็น 3-4-3, 4-4-2 หรือ 4-2-3-1 ซึ่งทุกแผนต่างใช้ผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้าด้วยจำนวนที่แตกต่างกันออกไป แต่นูนเญซก็แสดงให้เห็นแล้วว่าการเปลี่ยนแผนการเล่นไม่เคยสร้างผลกระทบต่อผลงานของเขา

 

ยิ่งไปกว่านั้น นูนเญซ ยังไม่จำกัดตัวเองแค่ในตำแหน่งกองหน้าตัวกลาง เขาสามารถถอยลงมาเล่นในตำแหน่งกลางรุกอยู่บ่อยครั้ง และยังสามารถเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย ซึ่งทำให้ใครหลายคนนึกถึง เธียร์รี่ อองรี ที่เป็นกองหน้าตัวเป้าซึ่งหลบมาหาพื้นที่ว่างด้านซ้ายของสนามก่อนยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ นูนเญซจึงเป็นกองหน้าตัวเป้าที่เคลื่อนไหวอย่างอิสระ ซึ่งเป็นสิ่งที่ เยอร์เกน คล็อปป์ ตามหาจากดาวยิงที่เขาใช้งาน

 

นูนเญซยังยอดเยี่ยมเป็นอย่างมากในการเล่นฟุตบอลสวนกลับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาปรากฏตัวบนเวทียุโรปที่เบนฟิกามักตกเป็นรองบ่อยครั้ง ซึ่งประตูที่เขายิงใส่บาร์เซโลน่าจากการรับบอลตั้งแต่พื้นที่เกือบกลางสนาม ก่อนออกไปทางกราบซ้ายแล้วตัดเข้ามายิงประตูในกรอบเขตโทษ มันชัดเจนว่านี่คือทักษะของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซึ่งแสดงให้เห็นความเหมาะสมกับแทคติกการเล่นของหงส์แดงเป็นอย่างดี

 

รู้จัก ‘ดาร์วิน นูนเญซ’ กองหน้าป้ายแดงของลิเวอร์พูล

นับเป็นการเซ็นสัญญาที่น่าตื่นเต้นสำหรับแฟนบอลลิเวอร์พูล ที่ได้ตัวกองหน้าอนาคตไกลที่หลายทีมสนใจอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ มาร่วมทีมได้สำเร็จ โดยซื้อมาจากทีมเบนฟิกาในโปรตุเกส แม้ต้องจ่ายแพงถึง 100 ล้านยูโรก็ตามก่อนจะได้เช็กฟอร์มกันจริงๆ ซึ่งคาดว่านัดแรกจะเป็นเกม THE MATCH: Bangkok Century Cup 2022 ที่ลิเวอร์พูลจะพบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ ที่ราชมังคลากีฬาสถาน เรามาเช็กผลงานของดาวยิงหน้าหยกคนนี้อีกครั้งว่าทำได้ดีแค่ไหนในฤดูกาลที่ผ่านมา

 

ภายหลังจากที่ทำให้แฟนๆ เดอะ ค็อปต้องกดรีเฟรชโซเชียลมีเดียกันตลอดเวลามาเกือบ 2 วัน ในที่สุดสโมสรลิเวอร์พูลก็ได้เปิดตัว ดาร์วิน นูนเญซ กองหน้าคนใหม่ที่ย้ายมาจากเบนฟิกาด้วยค่าตัวเป็นสถิติสโมสร 100 ล้านยูโร (รวมการจ่ายเพิ่มตามเงื่อนไข) อย่างเป็นทางการเมื่อวันอังคาร (14 มิถุนายน) ที่ผ่านมาที่ศูนย์ฝึก AXA ในย่านเคิร์กบี

โดยนูนเญซได้เลือกหมายเลขเสื้อ 27 ที่เป็นหมายเลขเสื้อเดิมของ ดิวอค โอริกิ และจะปักชื่อหลังเสื้อว่า ‘DARWIN’ ได้ให้สัมภาษณ์ครั้งแรกว่า “ผมรู้สึกมีความสุขมาก และยินดีอย่างยิ่งที่ได้มาอยู่ที่ลิเวอร์พูล ที่นี่เป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่”

 

“ผมอยากขอบคุณคนรัก พ่อแม่ และลูกของผมที่เป็นต้นกำเนิดความภูมิใจสำหรับผม พวกเขามีความสำคัญต่อผมอย่างมากในช่วงเวลานี้บนเส้นทางอาชีพของผม ผมภูมิใจในตัวพวกเขาและสิ่งที่เราทำร่วมกันมา ทั้งผมและเธอเราคือทีมเดียวกัน และผมก็รู้สึกขอบคุณเธอที่ช่วยทำให้ผมมาถึงตรงนี้ได้”

 

กองหน้าวัย 22 ปีที่จะได้รับค่าเหนื่อยราว 140,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ จะกลับมารายงานตัวฝึกซ้อมกับลิเวอร์พูลอีกครั้งในช่วงต้นเดือนหน้า และคาดว่าจะมีโอกาสลงสนามให้กับทีมใหม่เป็นครั้งแรกในเกม THE MATCH: Bangkok Century Cup 2022 ซึ่งจะพบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ รีวิว ข่าวนักเตะ