บอร์ดผีแดงไม่ ปลื้มรัง นิกบอกตามหลังหงส์6ปี

 

บอร์ดผีแดงไม่ ปลื้มรัง นิกบอกตามหลังหงส์6ปี
ข่าวฟุตบอล เดอะ เทเลกราฟ สื่อดังของอังกฤษรายงานว่าบอร์ดบริหารของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่พอใจที่ ราล์ฟ รังนิก บอกว่าสโมสรต้องใช้เวลาอีก 6 ปีเพื่อไล่ตาม ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
         แฟนบอล “ปีศาจแดง” ต้องก้มหน้ากัดฟันอีกครั้งหลังทีมรักบุกไปโดน ลิเวอร์พูล ถล่มยับเยิน 4-0 ในเกมพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุด เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ทีมตามหลัง อาร์เซน่อล และ สเปอร์ส คู่แข่งลุ้นอันดับ 4 อยู่ 3 คะแนนแถมยังแข่งมากกว่า 1 เกมด้วย
         หลังเกมดังกล่าวทาง รังนิก กล่าวว่า “เราต้องยอมรับว่าพวกเขา (ลิเวอร์พูล) อยู่ข้างหน้าเรา 6 ปีในตอนนี้” แถมยังบอกว่าทีมอาจจะต้องงเซ็นสัญญากับผู้เล่นใหม่ถึง 10 คนเพื่อที่จะพัฒนาทีม
         จากรายงานของสื่อผู้ดีเผยว่าทางบอร์ดของยูไนเต็ดไม่พอใจกับความคิดเห็นของนายใหญ่ชาวเยอรมัน โดยทางผู้บริหารของผีเชื่อว่าสโมสรสามารถปรับปรุงทีมให้ขึ้นไปเทียบกับสโมสรนำของประเทศในเวลานี้ได้ในระยะเวลาที่สั้นกว่า
         สำหรับ 5 เกมสุดท้ายในการลุ้นท็อปโฟร์ของผีแดงต้องเจองานหนักกับทั้ง อาร์เซน่อล (เยือน) และ เชลซี (เหย้า) ติดๆกัน ต่อด้วยเจอ เบรนท์ฟอร์ด (เหย้า), ไบรท์ตัน (เยือน) และ คริสตัล พาเลซ (เยือน)
“ตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ออกจากตำแหน่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฟอร์มแย่มาก พวกเขาไม่เคยเป็นแชมป์เลยสักครั้ง … มันมีเรื่องที่สำคัญสำหรับทุกสโมสรเกี่ยวกับเรื่องนี้ นั่นคือหากคุณไม่สามารถหาผู้เล่นที่เหมาะกับทีมได้ อย่างน้อยที่สุดก็อย่าเซ็นสัญญากับพวกคนที่ไม่ใช่มาอยู่กับทีมมากนักเลย”
2 ปีก่อน ราล์ฟ รังนิก ได้กล่าวถึง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไว้เช่นนี้ … จนกระทั่งตอนนี้ หน้าที่ที่เขาพูดถึงกำลังจะมาอยู่ในมือของเขาแล้ว แทงบอล 
นี่คือเรื่องราวของโค้ชชาวเยอรมัน ผู้เตรียมนั่งแท่นตำแหน่งกุนซือรักษาการ ที่จะนำทัพปีศาจแดง 6 เดือนต่อจากนี้ ก่อนผันตัวไปรับบทบาทที่ปรึกษาในอีก 2 ปีถัดจากนั้น
เขาเป็นใคร มาจากไหน มีวิธีคิดแบบไหน และมีแนวทางการทำทีมเช่นไร ? ตอบทุกคำถามที่ Main Stand
เริ่มจากนักเตะธรรมดาที่ชอบใช้ความคิด
ย้อนค้นประวัติการเป็นนักเตะของ ราล์ฟ รังนิก ต้องบอกเลยว่าเป็นอะไรที่แตกต่างจากยอดโค้ชยุคปัจจุบันอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, อันโตนิโอ คอนเต้, เยอร์เกน คล็อปป์ รวมถึงใคร ๆ อีกหลายคน
สิ่งที่แตกต่างคือรายชื่อทั้งหมดที่กล่าวมาอย่างน้อย ๆ ก็เคยเป็นนักฟุตบอลอาชีพจริง ๆ ที่เคยเล่นในลีกสูงสุดของแต่ละประเทศมาก่อน ทว่าประสบการณ์ของรังนิกในการเป็นนักฟุตบอลนั้นแทบไม่มีสิ่งใดจับต้องได้เลย ดีที่สุดคือการลงเล่น 66 นัดให้กับ VfR Heilbronn สโมสรระดับลีก 3 ของประเทศเยอรมันเท่านั้น

บอร์ดผีแดงไม่ ปลื้มรัง นิกบอกตามหลังหงส์6ปี

บอร์ดผีแดงไม่ ปลื้มรัง นิกบอกตามหลังหงส์6ปี
อย่างไรก็ตามคุณจะให้ปลาไปบินบนฟ้าจะให้นกมาว่ายน้ำมันก็คงไม่ใช่ คนบางคนกว่าจะได้เจอเส้นทางที่เหมาะกับตัวเองก็ต้องใช้เวลาเรียนรู้และรู้จักสิ่งที่ตัวเองชอบพอสมควร รังนิก ใช้เวลาในการเป็นนักฟุตบอลแค่ราว ๆ 7 ปีเท่านั้น และในช่วงที่ยังเล่นฟุตบอลอยู่ เขาก็เริ่มรู้แล้วว่าการเตะบอลอาจจะไม่เหมาะกับเขานัก รังนิก เริ่มเห็นตัวเองในบทบาทโค้ชมากกว่า เนื่องจากชอบคิดวิเคราะห์ และรู้สึกว่าตัวเองมี “วิธีการสร้างสไตล์” ในแบบที่เขาชอบมากที่สุด
ในช่วงที่ รังนิก ยังเป็นนักฟุตบอลนั้น เขาก็เริ่มเข้าเรียนศาสตร์ฟุตบอลที่มหาวิทยาลัยซัสเซ็กส์  (University of Sussex) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษ แน่นอนว่าเขาเป็นคนที่พูดอังกฤษได้คล่องปร๋ออย่างไม่ต้องสงสัย และนั่นอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไม แมนฯ ยูไนเต็ด จึงเป็นทีมที่เขาเมียงมองมาพักใหญ่
หลังจบมหาวิทยาลัยที่อังกฤษ รังนิกกลับมาเล่นฟุตบอลอาชีพในทีมระดับท้องถิ่นเยอรมันพร้อมกับรับบทบาทผู้เล่นและเฮดโค้ชในเวลาเดียวกัน ซึ่งหลังจากทำผลงานคุมทีมได้ 2 ปี ก็เริ่มทำทีมได้ดีขึ้น เขาพาทีม อูล์ม เลื่อนชั้นสู่ลีกา 2 เยอรมันได้ จากหลักสูตรการซ้อมที่เขาคิดขึ้นเอง หลังจากนั้นก็เริ่มมีการพูดถึงโค้ชคนหนุ่มอย่างรังนิก ในช่วงปลาย ๆ ยุค 90s บ้างแล้ว
“สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผมคือจำนวนการซ้อมที่เราทำกันแต่ละครั้ง เรากระตุ้นซึ่งกันและกัน ฝึกซ้อมกันเอง สร้างแรงบันดาลใจให้กันเอง นั่นคือจุดเริ่มต้นที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผมในการเป็นโค้ช” รังนิก กล่าวถึงจุดเริ่มต้น
ในปี 1999 สตุ๊ตการ์ท สโมสรจากลีกสูงสุดของประเทศให้โอกาส รังนิก ได้คุมทีม เพียงแต่มันไม่ใช่อย่างที่เขาหวัง และไม่สามารถทำได้แบบที่เคยทำกับทีมระดับลีกล่าง ๆ เลย
3 งานแรกในอาชีพกุนซืออย่างจริงจังระดับลีกใหญ่ รังนิก โดนไล่ออกจากตำแหน่งทั้งหมด ทั้งกับ สตุ๊ตการ์ท, ฮันโนเวอร์ และ ชาลเก้ 04 ส่วน 2 งานต่อมากับ ฮอฟเฟนไฮม์ และ ชาลเก้ 04 คำรบสอง เขาก็ยุติบทบาทด้วยการลาออก
ถ้ามองตรงนี้เขาอาจจะดูล้มเหลว แต่ใครบ้างไม่เคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มาก่อน ? แม้จะโดนไล่ออกทั้ง 3 ครั้ง แต่ในช่วงที่คุม สตุ๊ตการ์ท เขาก็พาทีมคว้าแชมป์อินเตอร์โตโต้ คัพ ในปี 2000, ในปี 2001-02 เขาพา ฮันโนเวอร์ คว้าแชมป์ลีกา 2 เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด และกับ ชาลเก้ เขาเคยพาทีมคว้าแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล และ เข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2011 มาแล้ว (ตกรอบด้วยน้ำมือ ยูไนเต็ด)
คุณจะเห็นได้ว่าจากประสบการณ์ในข้างต้น รังนิก มักจะประสบความสำเร็จในรูปแบบบอลถ้วยมากกว่าบอลลีก ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่าการทำทีมอื่น ๆ ในบุนเดสลีกาให้ถึงตำแหน่งแชมป์เป็นเรื่องยากมาก เพราะ บาเยิร์น มิวนิค มีงบประมาณมากกว่าทีมอื่น ๆ ราว 8-10 เท่า
แต่ถึงกระนั้น รังนิก ก็ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปได้ ตราบใดที่ทีม ๆ นั้นได้สร้างสไตล์ฟุตบอลที่ใช้ความสามัคคี ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ความฟิต ความอึด และทัศนคติที่ดีใส่ลงไปในสนาม จากโอกาสเป็นแชมป์ 0% จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน สไตล์ดังกล่าวเรียกว่า “เกเกนเพรสซิ่ง”
“เกเกนเพรส” และหลักสูตรจิ๊กซอว์ 500 ชิ้น
รังนิก อาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนักบนเส้นทางโค้ช แต่สิ่งที่หนึ่งที่ทุกคนเชื่อขนมกินได้เลยสำหรับตัวเขาคือ “เขาเป็นผู้ริเริ่มเสมอ”  ดูบอลสด 
ในช่วงที่เขาเริ่มเป็นโค้ช รังนิก เป็นเหมือนเจ้าหนูจำไม เขาถามและทักท้วงถึงวิทยาการยุคเก่าเสมอ มันไม่ใช่เรื่องของการไม่ให้เกียรติ แต่มันเป็นการพยายามหาคำตอบให้ถ่องแท้ที่สุดในแบบที่ทำให้เขาหมดคำถามให้ได้ ขณะที่วิธีการฝึกซ้อมของเขาก็เป็นคนแรก ๆ ที่ใช้การถ่ายวิดีโอเพื่อนำมาวิเคราะห์ผลที่บันทึกไว้จากการซ้อมครั้งก่อน ๆ ด้วย ทายผลบอล 

รังนิก จุดเปลี่ยนที่ทำให้หลายคนจำเขาได้ 

บอร์ดผีแดงไม่ ปลื้มรัง นิกบอกตามหลังหงส์6ปี

จุดเปลี่ยนที่ทำให้หลายคนจำเขาได้ เกิดขึ้นในปี 1998 รังนิก ได้รับเชิญให้ไปออกรายการฟุตบอลของเยอรมันที่ออนแอร์ทางโทรทัศน์ หัวข้อคือวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับฟุตบอลของเขา ในวันนั้นเขาพูดสิ่งต่าง ๆ มากมาย แต่หลายคนกลับมองไปในทางเย้ยหยันมากกว่าที่จะคล้อยตาม
กุนซือหนุ่มกับแว่นไร้ขอบอธิบายแทคติกต่าง ๆ วนเวียนไปไม่รู้จบ และเหนือสิ่งอื่นใดเขาตั้งคำถามกับคำพูดของตำนานฟุตบอลเยอรมันทั้งในแง่ของการเป็นนักเตะและเฮดโค้ชอย่าง ฟรานซ์ เบคเคนบาวเออร์ ที่บอกวาฟุตบอลเยอรมันไม่เหมาะกับการเล่นแบ็กโฟร์ พวกเขาอยู่กับระบบหลัง 3 มีลิเบอโร่มานานหลายปี และถ้ามีการเปลี่ยนมาเล่นแบ็กโฟร์นักเตะเยอรมันจะไม่เข้าใจวิธีการเล่นแบบนั้น
“เหตุผลหลัก ๆ สำหรับเรื่องนี้คือเมื่อ 30 ปีก่อน ฟรานซ์ เบคเคนบาวเออร์ ได้สร้างมาตรฐานฟุตบอลของเยอรมันขึ้นมา แล้วทุกคนก็ทำตามเขาเพราะมันประสบความสำเร็จจริง (เบคเคนบาวเออร์ พาทีมคว้าแชมป์โลกได้ในปี 1990)”
“แต่สิ่งที่ ฟรานซ์ พูดในช่วงกลางปี 90s ที่บอกว่าคุณไม่สามารถทำทีมในเยอรมันและใช้การเล่นแบบแบ็กโฟร์ที่เน้นการตั้งโซนได้ เพราะผู้เล่นเยอรมันไม่เข้าใจวิธีการ”
“ผมได้ยินสิ่งนั้นแล้วผมก็ถามตัวเองว่า ทำไมเหรอ ? นักเตะเยอรมันฉลาดน้อยกว่านักเตะเบลเยียม สเปน หรือเนเธอร์แลนด์เหรอ ? ผมว่านั่นมันไม่สมเหตุสมผลเลยจริง ๆ” รังนิก กล่าวประโยคนี้ออกทีวี แทงบอลออนไลน์