รังนิก เลี่ยงเอาข่าวตั้งบอสใหม่ผีมาอ้างเด็กใจลอย

 

รังนิก เลี่ยงเอาข่าวตั้งบอสใหม่ผีมาอ้างเด็กใจลอย
วิเคราะห์บอล ราล์ฟ รังนิก รักษาการผจก.ทีม แมนฯ ยูไนเต็ด รับสภาพความปราชัยต่อ เอฟเวอร์ตัน 0-1 เมื่อเสาร์ที่ผ่านมา บอกเล่นต่ำมาตรฐานเอง โดยไม่อยากนำประเด็นจ่อตั้งเจ้านายใหญ่คนใหม่ เอริค เทน ฮาก มาเป็นข้ออ้างจนทำให้ลูกน้องหมดไฟสู้เพื่อเขา
 รังนิก รับงานคุม ยูไนเต็ด แค่สิ้นฤดูกาลนี้ ซึ่งพอช่วงหลังแต้มหลุดบ่อยจนส่อเค้าพลาดโควตาแชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ทำให้ภาษากายแข้ง ‘ปีศาจแดง’ แสดงออกมาว่าเล่นแบบเช้าชามเย็นชาม
 เมื่อผนวกข่าวเตรียมประกาศชื่อกุนซือฟูลไทม์ปลายเดือนเม.ย. ส่งผลผู้เล่น ยูไนเต็ด ใจลอย แต่ทั้งนี้บอสวัย 63 ปีเลี่ยงยกมาเป็นข้ออ้าง
 “ถ้าคุณเตะบอลตั้ง 95 นาทีแล้วยังยิงไม่ได้แม้แต่ลูกเดียว มันก็นับเป็นสิ่งที่น่าผิดหวังแล้ว” การเปิดปากกับ ‘บีที สปอร์ต’  ดูบอลสด 
 “เราอุตส่าห์เริ่มเกมได้ดี แล้วควรสามารถสร้างสรรค์โอกาสมากกว่านั้นตอนขย่มใส่คู่แข่ง”
 “แต่จากนั้นเสียประตูจากการยิงแฉลบ มันทำให้เราเสียการควบคุไปเล็กน้อย”
 “ครึ่งหลังก็พยายามเปลี่ยนตัวสร้างสรรค์ลงสนาม แต่ของพรรค์นี้ไม่ได้ตัดสินใจถูกต้องเสมอไป”
 “เพียงแต่เราต้องทำอะไรสักอย่าง เราจำเป็นต้องยิงประตู แล้วจึงตัดสินใช้ ฆวน มาต้า และเน้นขึ้นเกมริมเส้นมากขึ้นจาก แอนโธนี่ เอลังก้า”
 “พวกเขาลงไปเล่นเกมป้องกันแน่นช่วง 35 นาทีท้าย ส่วนเราไม่สามารถหาตัวพลิกเกมได้ถูกต้องในเวลาอันเหมาะสม – หรือเมื่อได้ครอสบอลเข้ากรอบเขตโทษก็ดันไม่มีใครเข้าชาร์จอีก”
 กระแสการจ่อแต่งตั้ง เทน ฮาก ที่หนาหูทั้งสัปดาห์ทาง รังนิก เชื่อว่าส่งผลไม่น้อยต่อสมาธิผู้เล่น แต่เลี่ยงนำมาใช้เป็นข้ออ้าง
 “ผมไม่คิดว่าจะอาเรื่องนั้นมาเป็นข้ออ้างได้” บอสดอยช์เสริม
 “เราคือทีม แมนฯ ยูไนเต็ด, อุดมไปด้วยนักเตะทีมชาติ ดังนั้นมันไม่มีข้อแก้ตัว เรื่องที่ว่าจะมีผจก.ทีมคนใหม่ในฤดูกาลหน้า แล้วหากมันต้องประกาศชื่อตอนนี้เลยหรืออีก 10 วันข้างหน้า มันไม่ควรส่งอิทธิพลใดๆแก่ขุมกำลัง”
 ยูไนเต็ด ชนะแค่ 8 จาก 17 เกมลีกที่ รังนิก ทำหน้าที่ คิดเป็น 47% เท่านั้น ถือว่าต่ำสุดตั้งแต่เคยมีกุนซือคนไหนทำไว้ในรายการนี้  ทายผลบอล 

รังนิก เลี่ยงเอาข่าวตั้งบอสใหม่ผีมาอ้างเด็กใจลอย

รังนิก เลี่ยงเอาข่าวตั้งบอสใหม่ผีมาอ้างเด็กใจลอย
ประวัติ
รัล์ฟ รังนิค (เยอรมัน: Ralf Rangnick; เกิด 29 มิถุนายน ค.ศ. 1958) เป็นผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน ผู้อำนวยการกีฬา และอดีตนักฟุตบอล ปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวให้แก่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด สโมสรในพรีเมียร์ลีก
ภายหลังจากไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพนักฟุตบอล รังนิคได้เริ่มต้นอาชีพผู้ฝึกสอนใน ค.ศ. 1983 ในวัย 25 ปี ต่อมาใน ค.ศ. 1997 เขาได้รับการจ้างจากสโมสร เอสเอสวี อุล์ม 1846 ซึ่งเป็นสโมสรที่เขาเคยเล่นอาชีพ โดยรังนิคสามารถพาทีมชนะเลิศการแข่งขันลีกได้ในฤดูกาลแรกที่คุมทีม ก่อนจะย้ายไปคุมทีมเฟาเอ็ฟเบ ชตุทท์การ์ท สโมสรในบุนเดิสลีกา และพาทีมชนะเลิศยูฟ่าอินเตอร์โตโตคัพใน ค.ศ. 2000 แต่ก็ถูกปลดในเวลาต่อมาจากผลงานอันย่ำแย่ ต่อมาใน ค.ศ. 2001 รังนิคไปคุมทีมฮันโนเฟอร์ 96 ในซไวเทอบุนเดิสลีกา แต่ก็ถูกปลดใน ค.ศ. 2004 ต่อมา รังนิคไปร่วมงานกับชัลเคอ 04 ในช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนจะไปคุมทีมเทเอ็สเก 1899 ฮ็อฟเฟินไฮม์ ใน ค.ศ. 2006 ซึ่งเขาพาทีมเลื่อนชั่นขึ้นมาสู่บุนเดิสลีกาได้สำเร็จ ก่อนจะลาทีมใน ค.ศ. 2011 เพื่อกลับไปร่วมงานกับชัลเคอ 04 และพาทีมชนะเลิศเดเอ็ฟเบ-โพคาล และเข้าถึงรอบรองชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในปีนั้น ก่อนจะไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาให้กับสโมสรเร็ดบุลซัลทซ์บวร์คในออสเตรีย และแอร์เบ ไลพ์ซิชในเยอรมนี และยังทำหน้าที่ผู้ฝึกสอนให้แก่แอร์เบ ไลพ์ซิชสองครั้งในฤดูกาล 2015–16 และ 2018–19
ในระหว่างการร่วมงานกับเร็ดบุล รังนิคมีส่วนสำคัญในการวางรากฐานและระบบทีมเพื่อแข่งขันในฟุตบอลยุโรป เขามีบทบาทในการดูแลระบบเยาวชน รวมถึงการเป็นแมวมองในการค้นหาผู้เล่นทักษะดีเข้ามาสู่ทีม และยังเป็นผู้นำปรัชญาการเล่นเกมรุกอันดุดันมาสู่สโมสรส่งผลให้สโมสรเร็ดบุลมีผลงานที่ดีขึ้น และยังมีมูลค่าการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 120 ล้านยูโรเป็น 1.2 พันล้านยูโรในช่วงที่เขาทำงานให้สโมสร รวมถึงการช่วยให้สโมสรแอร์เบ ไลพ์ซิช ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนด้วยผลกำไรมหาศาล และยกระดับทีมขึ้นมาเป็นหนึ่งในทีมชั้นนำของบุนเดิสลีกามาถึงปัจจุบัน ซึ่งรังนิคยังได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายกีฬาและการพัฒนาของสโมสรใน ค.ศ. 2019 ก่อนจะลาออกในปีต่อมา รังนิคเข้ารับตำแหน่งเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวให้สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2021 โดยเซ็นสัญญาไปจนสิ้นสุดฤดูกาล 2021–22 และจะรับตำแหน่งที่ปรึกษาให้กับสโมสรหลังหมดสัญญา
รังนิคได้รับการยกย่องในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาระบบการเล่นแบบเกเกนเพรสซิ่ง (Gegenpressing)[9] และยังได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้จัดการทีมที่มีปรัชญาในการทำทีมที่ชัดเจน มีความสามารถในการวางระบบและการพัฒนาศักยภาพนักเตะ เขายังถือเป็นบุคคลผู้มีอิทธิพลในการพัฒนาทักษะการคุมทีมของผู้ฝึกสอนหลายคน อาทิ แอ็นสท์ ฮัพเพิล, อาร์ริโก ซาคคี และ ซเดนเยค เซมัน และยังเป็นผู้ฝึกสอนต้นแบบของผู้จัดการทีมชาวเยอรมันชื่อดังมากมาย อาทิ โทมัส ทุคเคิล, ยูลีอาน นาเกิลส์มัน, รัล์ฟ ฮาเซินฮึทเทิล และ เยือร์เกิน คล็อพ แทงบอล 

อาชีพ ในช่วงแรก

 

รังนิก เลี่ยงเอาข่าวตั้งบอสใหม่ผีมาอ้างเด็กใจลอย

 

รังนิคเริ่มต้นอาชีพการเป็นผู้ฝึกสอนในช่วงทศวรรษ 1980 โดยสโมสรแรกที่เขาคุมทีมคือ Viktoria Backnang สโมสรในบ้านเกิดของเขาที่เมืองบัคยัง, เยอรมนี ซึ่งเขาเซ็นสัญญาในฐานะผู้เล่น-ผู้จัดการทีม ตามด้วยการย้ายไปคุมทีมสำรองของเฟาเอ็ฟเบ ซตุทท์การ์ท[13] และ Lippoldsweiler ตามลำดับ
ต่อมาใน ค.ศ. 1988 รังนิคไปคุมทีมเอสซี คอร์ป เป็นเวลาสองฤดูกาล ก่อนจะกลับมาร่วมงานกับซตุทท์การ์ทในฐานะผู้จัดการทีมรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี และพาทีมชนะเลิศการแข่งขันบุนเดิสลีการะดับเยาวชนใน ค.ศ. 1991 ก่อนจะลาทีมเพื่อไปคุมสโมสร SSV Reutlingen 05 ในลีกสมัครเล่นของเยอรมนี และพาทีมจบอันดับ 4 ได้ในฤดูกาลแรก[14] และรังนิคได้อำลาทีมในฤดูกาล 1997 เพื่อคุมอุล์ม 1846 อดีตสโมสรซึ่งเขาเคยเล่นอาชีพ[15]
การคุมทีมนัดแรกอย่างเป็นทางการในฐานะผู้จัดการทีมของอุล์ม จบลงด้วยความพ่ายแพ้ต่อกร็อยเทอร์เฟือร์ท 0–2 และรังนิคพาทีมจบฤดูกาลแรกด้วยอันดับ 6 ก่อนจะพาทีมคว้าแชมป์ลีกระดับ 3 ได้ในฤดูกาล 1997–98 และยังพาทีมทำผลงานยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่องในซไวเทอบุนเดิสลีกา และมีส่วนสำคัญในการวางระบบการเล่นใหม่ ๆ ของทีมรวมถึงการหาผู้เล่นฝีเท้าดีเข้าสู่ทีม ส่งผลให้สโมสรสามารถเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดอย่างบุนเดิสลีกาได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ใน ค.ศ. 2000
อย่างไรก็ตาม รังนิคได้เจรจากับเฟาเอ็ฟเบ ซตุทท์การ์ทในช่วงกลางฤดูกาลที่สองที่เขาทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมของอุล์ม และทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงร่วมกันในการดึงตัวรังนิคไปคุมทีมในฤดูกาลถัดไป และข่าวนี้ได้รั่วไหลสู่สาธารณชนในในเวลาต่อมา ส่งผลให้รังนิคลาออกจากการคุมทีมอุล์ม และเซ็นสัญญากับซตุทท์การ์ทในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1999
เฟาเอ็ฟเบ ซตุทท์การ์ท
รังนิคเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ. 1999 และคุมทีมในช่วง 5 นัดสุดท้ายของฤดูกาล และพาทีมชนะได้ 2 จาก 5 นัด จบในอันดับ 11[16] ต่อมา เขาได้คุมทีมเต็มฤดูกาลในฤดูกาลถัดมา และพาทีมจบอันดับ 8 ต่อมา เขาพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่าอินเตอร์โตโตคัพ ได้ในฤดูกาลที่สาม รวมถึงเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายยูฟ่าคัพ และรอบรองชนะเลิศเดเอ็ฟเบ-โพคาล แต่รังนิคได้ถูกปลดในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2001 จากผลงานย่ำแย่ของทีม โดยอันดับของซตุทท์การ์ทได้ตกลงไปท้ายตาราง แทงบอลออนไลน์