แกรี่ เนวิลล์ ยังเชื่อใจในทีมเก่า

 จากเด็กท้องถิ่นในบิวรี่, แมนเชสเตอร์ แกรี่ เนวิลล์ ได้เข้าสู่ชายคาของโรงละครแห่งความฝันในปี 1991 ราศีของแชมป์ก็จับทันที เมื่อแกรี่ ในฐานะกัปตันทีมได้พาทีมเยาวชนปีศาจแดงคว้าแชมป์ เอฟเอ ยูธ คัพ ในปี 1992 จากนั้น แกรี่ ก็ค่อย ๆ ได้รับโอกาสให้ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ ร่วมกับเพื่อน ๆ จากทีมเยาวชนอย่าง ไรอัน กิ๊กซ์, พอล สโคลส์, นิคกี้ บัตต์,  เดวิด แบ็คแฮม และน้องชาย ฟิล เนวิลล์ ซึ่งทั้งหมดได้ พาทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เถลิงบัลลังค์แชมป์พรีเมียร์ลีกได้หลายต่อหลายครั้ง 8 พรีเมียร์ลีก 3 เอฟเอคัพ 2 ลีกคัพ 2 แชมป์เปี้ยนส์ลีก 1 อินเตอร์คอนติเนนทัล คัพ และ 1 ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ ทั้งหมดคือเกียรติยศที่ แกรี่ เนวิลล์ ได้รับ แทงบอล 

 

      แกรี่ เนวิลล์ เป็นที่รักใคร่ชอบพอของแฟนบอลยูไนเต็ดอย่างมาก เพราะแกรี่แสดงให้เห็นอย่างที่เค้าพูดไว้ว่า “ยูไนเต็ด เป็นทีมเดียวที่ผมอยากจะเล่นด้วย” ความรักที่มีต่อยูไนเต็ดและความเกลียดชังที่มีต่อทีมอริตลอดกาลอย่าง ลิเวอร์พูล คือสิ่งที่ แกรี่ แสดงออกมาให้แฟนบอลเห็นอยู่บ่อย ๆ ถึงขนาดเคยโดนปรับเงินเป็นจำนวน 5,000 ปอนด์มาแล้ว โทษฐานที่วิ่งจากครึ่งสนามมาแสดงท่าสะใจต่อหน้าแฟนบอลลิเวอร์พูล เมื่อ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ทำประตูให้ยูไนเต็ดเอาชนะลิเวอร์พูลได้ในปี 2006 นอกจากนั้น ยังเคยหล่นประโยคที่ว่า “ขอแพ้ลิเวอร์พูลทั้ง 2 นัด แต่สุดท้ายเป็นแชมป์ก็เอา”

      อาการบาดเจ็บเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตการค้าแข้งของแกรี่ ต้องสะดุดลง ในขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นอย่าง ไรอัน กิ๊กส์, พอล สโคลส์ หรือ เดวิด แบ็คแฮม ยังสามารถลงเล่นให้กับทีมต้นสังกัดของตัวเองได้ แต่ตัวแกรี่ เอง ไม่สามารถทำได้อย่างนั้น ร่างกายที่บอบช้ำของเค้าทำให้เค้าไม่สามารถกลับมาเล่นได้เหมือนที่เคย จึงทำให้ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2554 แกรี่ เนวิลล์ ตัดสินใจยุติบทบาทนักเตะของตัวเองลง แม้ระยะเวลาของสัญญายังเหลืออีก 4 เดือนก็ตาม ระยะเวลาเกือบ 20 ปี กับการลงเล่นให้ต้นสังกัด 602 นัด ถือว่าเป็นระยะเวลาที่ยาวนานสำหรับนักเตะหนึ่งคนที่มีกับให้ทีมฟุตบอลทีมเดียว จึงไม่น่าแปลกที่ “แกรี่ อเล็กซานเดอร์ เนวิลล์” จะถูกยกให้เป็นอีก 1 ตำนานของสโมสรแมนฯยูไนเต็ด

สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (อังกฤษ: Manchester United Football Club) เป็นสโมสรฟุตบอลตั้งอยู่ที่โอลด์แทรฟฟอร์ดในเกรเทอร์แมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันแข่งขันในพรีเมียร์ลีกซึ่งเป็นลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ สโมสรมีฉายา “ปีศาจแดง” ก่อตั้งในชื่อสโมสรฟุตบอลนิวตันฮีตแอลวายอาร์ใน ค.ศ. 1878 ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดใน ค.ศ. 1902 และย้ายไปเล่นที่สนามเหย้าปัจจุบันอย่างโอลด์แทรฟฟอร์ดใน ค.ศ. 1910 แทงบอลออนไลน์ 

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชนะเลิศถ้วยรางวัลมากกว่าสโมสรอื่นในฟุตบอลอังกฤษ^[5][6] โดยชนะเลิศลีก 20 สมัย ซึ่งเป็นสถิติสูงสุด, เอฟเอคัพ 12 สมัย, ลีกคัพ 5 สมัย และเอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ 21 สมัย ซึ่งก็เป็นสถิติสูงสุดเช่นกัน ยูไนเต็ดยังชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 3 สมัย, ยูฟ่ายูโรปาลีก 1 สมัย, ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ 1 สมัย, ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 1 สมัย, อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ 1 สมัย และฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 1 สมัย โดยในฤดูกาล 1998–99 สโมสรกลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษที่คว้าทริปเปิลแชมป์ระดับทวีปยุโรป^[7] และในฤดูกาล 2016–17 หลังจากที่ชนะเลิศยูฟ่ายูโรปาลีก พวกเขากลายเป็นหนึ่งในห้าสโมสรที่ชนะเลิศการแข่งขันรายการหลักของยูฟ่าครบทั้งสามรายการ

ภัยพิบัติทางอากาศมิวนิกเมื่อ ค.ศ. 1958 คร่าชีวิตผู้เล่นแปดคน ต่อมาใน ค.ศ. 1968 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกลายเป็นสโมสรฟุตบอลแรกของอังกฤษที่ชนะเลิศยูโรเปียนคัพภายใต้การคุมทีมของแมตต์ บัสบี ต่อมาอเล็กซ์ เฟอร์กูสันพาทีมชนะเลิศถ้วยรางวัล 38 ใบในฐานะผู้จัดการทีม ซึ่งรวมพรีเมียร์ลีก 13 สมัย, เอฟเอคัพ 5 สมัย และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2 สมัยในระหว่าง ค.ศ. 1986 ถึง 2013^[8][9][10] ซึ่งเป็นปีที่เขาประกาศเกษียณตัวเอง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่มีผู้สนับสนุนมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก^[11][12] และมีสโมสรคู่ปรับคือ ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ซิตี, อาร์เซนอล และลีดส์ยูไนเต็ด

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเป็นสโมสรฟุตบอลที่มีรายได้สูงที่สุดในโลกในฤดูกาล 2016–17 ด้วยรายได้ต่อปีเป็นจำนวน 676.3 ล้านยูโร^[13] และเป็นสโมสรที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับที่สามของโลกใน ค.ศ. 2019 เป็นมูลค่า 3.15 พันล้านปอนด์ (3.81 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)^[14] ณ ค.ศ. 2015 สโมสรเป็นเครื่องหมายการค้าฟุตบอลที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก คาดว่ามีมูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ^[15][16] หลังจากที่ได้มีการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนเมื่อ ค.ศ. 1991 สโมสรได้กลับมาเป็นบริษัทเอกชนจากการที่มัลคอม เกลเซอร์ซื้อกิจการเมื่อ ค.ศ. 2005 ด้วยมูลค่าเกือบ 800 ล้านปอนด์ ซึ่งเงินที่ถูกกู้กว่า 500 ล้านปอนด์นี้กลายเป็นหนี้ของสโมสร^[17] และตั้งแต่ ค.ศ. 2012 หุ้นบางส่วนของสโมสรถูกเสนอขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก แม้ว่าตระกูลเกลเซอร์จะยังคงมีบทบาทเป็นเจ้าของและควบคุมสโมสร