แมนยู VS ลิเวอร์พูล 2-1

แมนยู VS ลิเวอร์พูล 2-1

บอลวันนี้ แมนยู VS ลิเวอร์พูล : ผลบอล 2-1 | ทัพ ปีศาจแดง คว้าชัยชนะแรกของฤดูกาลในศึกแดงเดือด หลังเปิดบ้าน เฉือนชนะ คู่อริตลอดกาล อย่าง หงส์แดง ไปได้ 2-1 โดยได้ 2 ลูกจาก เจดอน ซานโช่ และ มาร์คัส แรซฟอร์ด คนละประตู พาทีมคว้า 3 คะแนน ได้สำเร็จ ขยับอันดับขึ้นไปที่ 14 ส่วนทีมเยือน ได้ประตูจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แถมทีมยังควานหาชัยชนะไม่เจอ ตกไปอยู่อันดับ 16 แล้วในเวลานี้ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2022/23 เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม 2565 “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดสนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด ต้อนรับการมาเยือนของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ดูบอลufa

 

แฟนผีเฮ แมนยูไนเต็ด ระเบิดฟอร์ม ศึก “แดงเดือด” ชนะลิเวอร์พูล 2-1

แฟนผีเฮ! “แมนยูไนเต็ด ” ระเบิดฟอร์ม ศึก “แดงเดือด” ชนะลิเวอร์พูล 2-1 โดย “ปีศาจแดง” ได้ประจาก ซานโช่ , แรชฟอร์ด ขยับขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 14 ของตารางพรีเมียร์ลีก ขณะที่ หงส์แดง ได้ประตูตีไข่แตกจาก ซาลาห์ ในช่วงท้ายเกม แต่ไม่ทัน อยู่อันดับที่ 16 ของตางรางและยังเก็บชัยไม่ได้

แมนยู VS ลิเวอร์พูล 2-1

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ  เกมมันเดย์ไนท์  นัดที่  3  ของฤดูกาล  เป็นศึก”แดงเดือด”  การพบกัน ระหว่าง แมนยูฯ พบ ลิเวอร์พูล  แข่งขันที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ดประตูแรกในเกมนี้ เป็นเจ้าถิ่น “แมนยู” ที่ออกนำ ก่อนจาก  เจดอน ซานโช่  ในนาทีที่ 16  หลังเสียประตู ” ลิเวอร์พูล” เดินเกมบุกเข้าใส่เจ้าถิ่น  และมีจังหวะให้ได้ลุ้น  ในนาที 40  โดย ซาลาห์ รับบอลจากเฟอร์มิโน่  และปั่นบอลไปในเขตโทษ  แต่ไม่ผ่านการบล็อคของ มาร์ติเนซ   จากแมนยู  จบครึ่งแรก แมนยู นำ ลิเวอร์พูล 1-0

 

หลังจากนั้นในครึ่งหลังนาทีที่ 53  แมนฯยู ได้ประตูขึ้นนำ 2-0 จากแรชฟอร์ด ส่วนลิเวอร์พูล​มาตีไข่แตกในนาทีที่ 82 จากการทำประตูของ ซาลาห์ เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้ จบเกม 90 นาที แมนฯยู ชนะ ลิเวอร์พูล​ 2-1 เก็บชัยชนะได้เป็นนัดแรกของฤดูกาล และขยับจากอันดับที่ 19 มาอยู่อันดับ 14 ส่วนลิเวอร์พูล​อยู่ในอันดับที่ 16 ของตารางคะแนน​พรีเมียร์​ลีก​

 

แฟนผี ประท้วงก่อนเกม

แมนยู VS ลิเวอร์พูล 2-1

มาตามนัดสำหรับกลุ่มม็อบแฟนบอล ปีศาจแดง ร่วมหมื่นคนที่มาประท้วงเจ้าของทีมอย่างครอบครัว เกลเซอร์ โดยเรียกร้องให้ขายหุ้นสโมสรออกไป หลังจากแฟนบอลมองว่ากลุ่มผู้บริหารระดับสูงต้องการแค่หวังผลกำไรจากสโมสรอย่างเดียวเท่านั้นโดยไร้ความสำเร็จติดมือตลอดหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามดูจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงบานปลาย จนทำให้เกมสามารถเริ่มทำการแข่งขันได้ตามปกติ

 

ปีศาจแดง มาดีเกินคาด แมนยู VS ลิเวอร์พูล 2-1

เริ่มเกมมาก็ต้องบอกว่าเซอร์ไพรส์พอสมควรที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายที่ไล่บีบสูงจนสามารถเอาบอลมาครองเปิดเกมบุกใส่ ลิเวอร์พูล ได้แถมยังทำได้ดีกว่าชัดเจนโดยเฉพาะการเข้าสู่พื้นที่สุดท้ายและได้โอกาสจบเหน่ง ๆ หลายครั้ง จนในที่สุด ซานโช ก็ใช้ความเยือกเย็นยิงเบิกสกอร์แรกให้ทีมในนาทีที่ 16 แม้หลังจากนั้นทีมเยือนพยายามจะเร่งเกม แต่ดูเหมือนจะเร่งไม่ขึ้นและเป็น ปีศาจแดง ที่รักษาสกอร์เอาไว้ได้จนจบครึ่งเวลาแรก ครึ่งหลัง เทน ฮาก มีการปรับเปลี่ยนแผนเล็กน้อยโดยการไม่เน้นครอง

บอล แต่ถอยมาตั้งรับและรอโต้ซึ่งก็ทำให้ได้ประตูที่สองอย่างรวดเร็วจากการหลุดเดี่ยวของ มาร์คัส แรชฟอร์ด หลังจากนั้น หงส์แดง แทบจะพับสนามบุกอยู่ฝ่ายเดียวแต่ก็เจอรถบัสแมนยูที่ถอยลงมาช่วยกันเล่นเกมรับต้านเอาไว้ได้เป้นอย่างดี แม้

ช่วงท้ายเกม ซาลาห์ จะมาโขกตีไข่แตกไล่มาเป็น 2-1 แต่ก็ไม่ทันทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้า 3 คะแนนสำคัญแซงหน้า ลิเวอร์พูล ที่มีเพียง 2 คะแนนและยังไม่ชนะใครตลอด 3 เกมในฤดูกาลนี้

 

เกมรับ หงส์แดง อาการหนัก

เรียกได้ว่าเสียประตูทุกเกมตั้งแต่เปิดฤดูกาลแถมยังโดนไปแล้วถึง 5 ลูกจาก 3 เกมในซีซั่นนี้ ซึ่งวันนี้ก็ตอกย้ำได้เป็นอย่างดีกับการที่ต้องถูกความเร็วของแนวรุก แมนยู เล่นงานอย่างหนัก ซึ่งไม่ต่างจากที่พวกเขาโดน วิลฟรีด ซาฮา ลากเดี่ยวเข้าไปยิงเมื่อ

สุดสัปดาห์ก่อนเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาโนลด์ ที่เกมรับไม่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่วันนี้โดนคอมโบ มาลาเซีย เอลันก้า แรชฟอร์ด รุมเผาเครื่องตั้งแต่ต้นเกมจนมีจังหวะพลาดให้เห็นหลายครั้ง ด้าน โจ โกเมซ ก็ยืน

ตำแหน่งไม่ดีเช็คล้ำหน้าพลาดจนเสียประตูที่สอง โดยที่ ฟาน ไดจ์ค เองก็ทำอะไรได้ไม่มากนัก อย่างไรก็ตามส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะแดนกลางของพวกเขาคุมเกมไม่ได้แถมยังพลาดเสียบอลง่ายจนต้องตกเป็นภาระหนักอึ้งให้กับบรรดากองหลัง

ในเกมวันนี้ รีวิว ข่าวฟุตบอล

 

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่ลงสนาม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา (GK), ดิโอโก้ ดาโลต์, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, ราฟาเอล วาราน, ไทเรลล์ มาลาเซีย, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, คริสเตียน เอริคเซ่น, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, เจดอน ซานโช่, มาร์คัส แรชฟอร์ด, แอนโธนี่ อีแลงก้า

ลิเวอร์พูล : อลีสซง เบ็คเกอร์ (GK), เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์, เจมส์ มิลเนอร์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, หลุยส์ ดิอาซ