โรมาโน่เผยเซบีย่าไร้แผนซื้อมาร์กซิยาล

โรมาโน่เผยเซบีย่าไร้แผนซื้อมาร์กซิยาล
ข่าวนักเตะ ฟาบริซิโอ โรมาโน่ นักข่าวคนดังรายงานว่า เซบีย่า ทีมดังของสเปนไม่มีแผนที่จะคว้าตัว อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล มาร่วมทีมถาวรในช่วงซัมเมอร์
         แข้งทีมชาติฝรั่งเศสมาค้าแข้งในถิ่น ราม่อน ซานเชซ ปิซฆวน ด้วยสัญญายืมตัวเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่จนถึงตอนนี้ทำได้แค่ประตูเดียวกับ 1 แอสซิสต์จาก 8 เกมที่ผ่านมา ท่ามกลางข่าวว่าเจ้าตัวเริ่มไม่มีความสุขในลา ลีกา
         ขณะเดียวกันแฟนบอลของ เซบีย่า ก็เริ่มไม่พอใจฟอร์มการเล่นของ มาร์กซิยาล โดยเฉพาะในเรื่องของความทุ่มเทในสนามที่แฟนวิจารณ์มาตั้งแต่สมัยอยู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้ว
         ล่าสุดทาง โรมาโน่ เผยว่าทางทีมดังของสเปนไม่มีแผนที่จะดึง มาร์กซิยาล มาร่วมทีมแบบถาวรในช่วงซัมเมอร์ ในขณะที่เงื่อนไขยืมตัวก็ไม่ได้ระบุอ็อปชั่นสำหรับซื้อขาดเอาไว้ด้วย
         สัญญาของ มาร์กซิยาล กับ แมนฯ ยูไนเต็ด มีถึงปี 2024 คาดว่าเจ้าตัวจะรอดูว่าผู้จัดการทีมคนใหม่ของทีมจะเป็นใครค่อยตัดสินใจอีกครั้ง ดูบอลสด 

โรมาโน่เผยเซบีย่าไร้แผนซื้อมาร์กซิยาล

 

โรมาโน่เผยเซบีย่าไร้แผนซื้อมาร์กซิยาล

  “TIER 1” คำนี้เริ่มจะได้ยินกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ในแวดวงข่าวสารการซื้อขายตัวนักเตะในวงการฟุตบอล ซึ่งคำนี้จะถูกใช้แทนเลเวลความน่าเชื่อถือของนักข่าวในการนำเสนอของพวกเขา
และหนึ่งใน Tier 1 ที่กลายเป็นเจ้าพ่อข่าวซื้อขายตัวฉกาจ ณ เวลานี้ ที่อาจเรียกว่าเป็น “Top of the Tier” หรือตัวพ่อคงไม่ผิดนัก หนีไม่พ้น ฟาบริซิโอ โรมาโน่ … ที่ปรากฎชื่อเขามากกว่านักฟุตบอลด้วยซ้ำไป
เขาเป็นใครมาจากไหน และการทำข่าวแบบที่ว่ากันว่า “วงใน” แท้จริงแล้วมัน “วงใน” จริงหรือ ? ติดตามได้ที่นี่  แทงบอลออนไลน์ 
ยุคสมัยของวงใน
ก่อนจะรู้จัก ฟาบริซิโอ โรมาโน่ เราควรรู้จักโลกของการขายข่าวซื้อขายในวงการฟุตบอลก่อน เพราะในส่วนนี้มีผลอย่างมากที่ทำให้นักข่าวอย่าง โรมาโน่ กลายเป็นคนเบื้องหน้าที่คนทั้งโลกพร้อมใจกดติดตามโดยไม่อาจเลี่ยงได้
ย้อนกลับไปเมื่อ 10-20 ปีก่อน วัฒนธรรมการเสพข่าวซื้อขายในฟุตบอลนั้นไม่ได้เหมือนกับทุกวันนี้ ในแง่ของความตื่นเต้นและความน่าสนใจคงไม่หนีกันนัก แต่สิ่งที่แตกต่างมาก ๆ ซึ่งเกิดขึ้นในยุคนี้คือ นี่คือยุคสมัยแห่ง “วงใน” อย่างแท้จริง
จากหนังสือพิมพ์ สู่ข่าวบนหน้าเว็บไซต์ ทั้ง 2 แพลตฟอร์มนี้มีกฎเรื่องของเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง หนังสือพิมพ์ต้องรอรอบเวลาตีพิมพ์ ขณะที่เว็บไซต์นั้นแม้จะเร็วขึ้น แต่การเขียนข่าวแบบเต็ม ๆ ตามรูปแบบการเขียนที่ถูกต้องนั้นก็เสียเวลาเกินกว่าจะอัพเดทแต่ละดีลได้แบบนาทีต่อนาที กฎของเวลาเหล่านี้ทำให้กว่าจะได้อ่านข่าว Official สักข่าวนั้น เป็นอะไรที่ต้องรอกันจนแทบหมดความอดทนเลยทีเดียว
ทว่าหลังจากเข้าสู่ช่วงหลังยุคปี 2010 เป็นต้นมา สื่อในรูปแบบของโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะ เฟซบุ๊ก และ ทวิตเตอร์ เริ่มเข้ามามีบทบาทในการนำเสนอมากขึ้น เราจะได้ติดตามข่าวอัพเดทการซื้อขายแบบถี่ขึ้น เนื่องจากเนื้อหาที่ลงในเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ของสำนักข่าวดังที่ลงมาใช้งานแพลตฟอร์มนี้เองสามารถนำเสนอได้รวดเร็ว ไม่ต้องอิงตามกฎการเขียนข่าวที่ยุ่งยากประกอบด้วย พาดหัว, โปรย, บทสัมภาษณ์ และปิดท้ายด้วยสรุป เปลี่ยนเป็นข้อความสั้น ๆ แต่ได้ใจความ
จากข่าว 4-5 พารากราฟ ถูกตอนลงเหลือไม่กี่ประโยค นั่นทำให้กรอบของเวลาและความยุ่งยากหายไป ทว่าถึงอย่างนั้นก็ยังมีความยุ่งยากบางจุดที่ซ่อนอยู่ เพราะอย่าลืมว่ายูสเซอร์ใน เฟซบุ๊ก หรือ ทวิตเตอร์ ของแต่สำนักข่าวนั้นมีความเป็นทางการ ทุกข่าวที่นำเสนอแม้จะใช้เวลาในการเขียนน้อยลง แต่การคัดกรองในกองบรรณาธิการนั้น ทำให้อาจจะมีข่าวบางข่าว เรื่องบางเรื่องล่าช้ากว่าความเป็นจริง และในยุคที่โลกเชื่อมต่อกันหมด ความล่าช้าเพียงไม่กี่นาทีอาจหมายถึงการ “ล้าหลังและเสียโอกาส” ดังนั้นสิ่งที่เข้ามาแก้ปัญหาจุดนี้ คือกลุ่มนักข่าวของสำนักข่าวแถวหน้า ตัดสินใจออกมาเปิดยูสเซอร์ของตัวเองที่พวกเขาจะสามารถโพสต์อะไรก็ได้ ไม่มีใครห้าม
จะข่าวจริง ข่าวปลอม ข่าวลือ หรือข่าวที่อ้างว่ามาจากวงใน นั่นคือสิ่งที่กลุ่มนักข่าวที่แยกตัวบินเดี่ยวเหล่านี้พร้อมนำเสนอ … และหลังจากนั้นคอฟุตบอลก็แทบไม่ต้องติดตามเว็บไซต์ข่าวสารหรือหนังสือพิมพ์อีกเลย เพราะหากต้องการตอบโจทย์เรื่องความเร็วและระยะเวลาที่สั้น กระชับ แล้ว ข่าวจากลุ่มนักข่าวที่ถูกเรียกว่า “วงใน” เหล่านี้นี่แหละที่สามารถอัพเดททุกความเคลื่อนไหวได้แบบไม่ตกหล่น
ภาพรวมของการขายข่าวฟุตบอลก็เป็นตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น แต่โลกมันยังไม่พอใจแค่นั้น หลังจากผ่านเข้าสู่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เหล่ากูรูวงในชักจะเยอะแยะเต็มไปหมด บางคนรู้จริง บางคนก็แค่ปั่นกระแส นั่นทำให้ข่าวที่เน้นเรื่องความเร็วแข่งกัน เริ่มจะมีปัญหาเรื่องความน่าเชื่อถือที่ลดน้อยถอยลงไป ทายผลบอล 
ดังนั้นกูรูฟุตบอลอย่าง กิลเยม บาลาเก หรือแม้กระทั่ง จานลูกา ดิ มาร์ซิโอ ที่เน้นนำเสนอเรื่องราวในเชิง “ข่าวลือจากวงใน” เริ่มหมดความนิยมลงไป เพราะถึงแม้กูรูอย่างพวกเขาจะเสนอข่าวแทบจะทุกวัน วันละหลาย ๆ โพสต์ แต่ในแง่ของความแม่นยำนั้น ส่วนใหญ่ยังมีความผิดพลาดให้เห็น
“บาลาเก คือกูรูตลาดซื้อขายก็จริง แต่การรายงานของบาลาเก ยังคงเป็นสไตล์กอสซิปคุยข่าวซื้อขายในสไตล์บันเทิงมากกว่า ขณะที่ ดิ มาร์ซิโอ ที่ครั้งหนึ่งเคยทำงานร่วมกับ โรมาโน ก็ถูกจับตามองโดยแฟนบอล แต่ตลาดรอบซัมเมอร์ 2019 เขารายงานข่าวผิดหลายดีล ความน่าเชื่อถือเลยลดน้อยลง” แนท – ณรินทร์ภัทร บุณยวีรพันธ์ เจ้าของเพจ “ดูบอลกับแนท” เพจเกี่ยวกับข่าวสารและเรื่องราวของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้ติดตามข่าวจากซื้อขายจากกูรูต่างประเทศมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่เริ่มเทรนด์กูรู กล่าว
ดังนั้นในยุคปัจจุบัน จึงมีการเริ่มจัดอันดับความน่าเชื่อถือของกลุ่มนักข่าวด้วยกันขึ้นมาในกลุ่มนักอ่านข่าวสารฟุตบอลที่เป็นยูสเซอร์ใน Reddit เป็นเลเวลความน่าเชื่อถือ ใครที่น่าเชื่อถือมาก ๆ ก็จะได้รับการยกย่องว่าเป็น Tier 1 จากนั้นก็ลดหลั่นลงมาเป็น Tier 2, 3 ตามลำดับนั่นเอง
ช่วงเวลาที่เทรนด์การติดตามข่าวสารเปลี่ยน ก็เป็นโอกาสที่ ฟาบริซิโอ โรมาโน่ นักข่าวชาวอิตาลี สังกัด The Guardian สื่อดังของอังกฤษ สร้างชื่อขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว โดยสไตล์ของเขานั้นแตกต่างจากคนอื่น ๆ อย่างชัดเจน และความแตกต่างที่ว่านั้นคือ …

ยุคของ โรมาโน่ 

โรมาโน่เผยเซบีย่าไร้แผนซื้อมาร์กซิยาล

ชื่อของ โรมาโน่ ปรากฎชัด ๆ ก็ในช่วงปี 2019 นักข่าวชาวอิตาเลียนมีจุดเด่นตรงการนำเสนอข่าวที่มาก่อนเวลา และมักจะลงท้ายด้วยความแม่นยำเป็นประจำ โดยในตลาดซื้อขายปี 2019 นั่นเองที่เขาเริ่มปล่อยของที่เขามี และทำให้ทุกคนรู้ว่า “วงใน” เป็นยังไง
วิธีการทำงานของ โรมาโน่ นั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเขารอข่าวแจกจากสโมสรโดยตรง แต่ว่ากันว่าเขามีสายข่าวที่เกี่ยวข้องกับตลาดซื้อขายนักเตะมากจนนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเอเย่นต์ พนักงานสโมสร โรงแรมที่ผูกสัญญากับสโมสรต่าง ๆ ในการเข้าพัก หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่สนามบินเลยก็มี เขาเริ่มการเป็นวงในด้วยมิตรภาพ และนั่นทำให้เขาได้มาซึ่งข่าวสำคัญที่นักข่าวหลายคนไม่ได้
“โรมาโน่ รู้จักกับเพื่อนผู้สื่อข่าวหลายคน เช่นเดียวกับเอเยนต์ ผู้อำนวยการกีฬา ผู้อำนวยการเทคนิค ประธานสโมสรของหลายทีม จุดสำคัญคือโรมาโนรู้วิธีในการ ‘เข้าหาคน’ เขาเริ่มที่จะทำความรู้จักกับบุคคลเหล่านั้น แทนที่จะไปถามหาข่าวเลยตั้งแต่แรก แต่ทำให้คนเหล่านั้นรู้สึกวางใจ และเริ่มที่จะให้ความสนิทกับเขามากขึ้น” ณรินทร์ภัทร ว่าต่อ
ด้าน 90min.com บอกว่าก่อนจะมีชื่อเสียงโด่งดังนั้น โรมาโน่ นั้นพยายามในการนำเสนอข่าวเจาะและการวิเคราะห์ของตัวเองเป็นอย่างมาก เขารับสายโทรศัพท์และโทรออกมากกว่า 50 ครั้งต่อวัน หมดกับการติดต่อสายข่าว โรงแรมดังในกรณีที่นักเตะย้ายมาเซ็นสัญญากับต้นสังกัดใหม่เข้าพัก หรือแม้กระทั่งการโทรถามข้อมูลจากสำนักงานใหญ่ของแต่ละสโมสรด้วยตนเอง ในกรณีที่มีเอเย่นต์ของนักเตะ หรือ บอร์ดบริหารปรากฎตัวแบบเร่งด่วน  นั่นคือการทำงานของโรมาโน่ ที่ต้องอาศัยความพยายามมาก เพราะการสื่อสารกับคนเป็นร้อยคนในวันเดียวนั้นเป็นอะไรที่น่าปวดหัวสุด ๆ
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อ โรมาโน่ ได้ข่าวที่เขาต้องการมาแล้ว เขาจะต้องไล่กรองแล้วกรองอีกจนกว่าจะชัวร์จริง ๆ จึงจะใช้คำว่า “Here We Go!” ซึ่งเป็นวลีเฉพาะตัวของเขาที่ใช้แทนคำว่า “ย้ายแน่นอน รอรับได้เลย” แทงบอล